5.9K
14 พฤษภาคม 2567
ไลฟ์สไตล์ของคนในปัจจุบันจะเห็นได้ชัดว่ามีการให้ความสำคัญกับที่อยู่อาศัยสำหรับการพักผ่อนและการทำกิจกรรมในบ้านมากขึ้น สังเกตได้จากเทรนด์การปรับปรุงบ้านให้น่าอยู่หรือร่มรื่นขึ้น ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้เวลาพักผ่อน รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจที่จะอยู่บ้านได้นานมากขึ้น
การปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้น่าอยู่อาจเริ่มจากการตกแต่งให้ห้องต่าง ๆ สวยงามขึ้น หรือเปลี่ยนองค์ประกอบต่าง ๆ ของบ้านที่ทรุดโทรมให้ใหม่ขึ้นหรือใช้การได้ดีขึ้น นอกจากนี้การปรับปรุงพื้นที่ภายนอกบ้าน เช่น ลานพักผ่อนมุมบ้านหรือสวนรอบ ๆ บริเวณบ้าน ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้บ้านมีความร่มรื่น น่าใช้เวลาอยู่นานมากขึ้น รวมถึงการสร้างพื้นที่กิจกรรมนอกตัวบ้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของการใช้พื้นที่ในการพักผ่อนที่สร้างสรรค์
โรงเรือนที่ออกแบบไว้สวยงามสามารถใช้เป็นมุมพักผ่อน ถ่ายรูป หรือทำงานได้
การปลูกต้นไม้ในบ้านหรือบริเวณรอบบ้านเป็นที่นิยมจากอดีตมาจนถึงปัจจุบัน และยิ่งมีความนิยมมากขึ้นหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น มีเวลาดูแลต้นไม้มากขึ้น ทั้งเพื่อความสวยงามสำหรับพักผ่อนหย่อนใจและเพื่อการค้า เช่น การพัฒนาพื้นที่เป็นโรงเรือนเพาะชำเพื่อเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลักได้เลยทีเดียว
การต่อเติมพื้นที่ข้างบ้านให้เป็นพื้นที่เพาะชำพันธุ์ไม้และที่นั่งพักผ่อนแบบง่าย ๆ
ขึ้นชื่อว่าต้นไม้ องค์ประกอบสำคัญของการเจริญเติบโตก็หนีไม่พ้นแสงสว่าง ดังนั้นบริเวณสำหรับปลูกต้นไม้ต้องมีแสงสว่างเพียงพอ เช่น ระเบียงบ้าน หรือพื้นที่รอบบ้าน แต่ในบางกรณีพันธุ์ไม้อาจต้องมีการควบคุมปริมาณน้ำ แสงและลมที่เหมาะสม จึงต้องมีการใช้ผนังหรือหลังคาสำหรับป้องกันและควบคุมปัจจัยดังกล่าว รวมถึงให้ร่มเงาและป้องกันแดดลมฝนให้กับผู้ดูแลรักษาต้นไม้ด้วย
ดังนั้น ระเบียงบ้านหรือโรงเรือนจึงควรมีการสร้างหลังคาคลุมให้เหมาะสมกับพันธุ์ไม้ต่างๆ เช่น แคคตัส หรือพันธุ์ไม้แดดจะต้องการแสงมากและการควบคุมปริมาณน้ำที่เหมาะสม จึงอาจใช้หลังคาโปร่งแสงซึ่งจะสามารถรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ และป้องกันต้นไม้ไม่ให้รับน้ำฝนมากจนเกินไป หรือไม้ใบและไม้ทนร่ม ที่ต้องมีการลดปริมาณแดดหรือความร้อนด้วยหลังคาที่ทึบมากขึ้น เพื่อให้พันธุ์ไม้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์
โรงเรือนเพาะชำหลังบ้านเพื่อเพาะพันธุ์ไม้ ไม่เน้นการประดับตกแต่ง
การใช้สแลนพลาสติกสามารถช่วยกรองแสงแดดได้แต่อาจไม่สวยงามและคงทน
มีบ้านจำนวนไม่น้อยในปัจจุบันที่มีการสร้างโรงเรือนเพาะชำ หรือต่อเติมส่วนขยายเป็นโรงเพาะชำเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตัวบ้านเพื่อความสะดวกในการดูแลต้นไม้ อาจมีลักษณะเป็นโรงเรือนเพื่อการเพาะชำอย่างแท้จริง ไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามมากนัก แต่ในไลฟ์สไตล์ปัจจุบันที่ผู้พักอาศัยเริ่มให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้านมากขึ้น จึงมีการคำนึงถึงการออกแบบโรงเพาะชำให้เป็นส่วนหนึ่งของสวนหรือห้องที่พักผ่อนหย่อนใจได้ ดังนั้นการใช้งานสะดวก การอยู่สบาย และความสวยงามจึงต้องมาควบคู่กัน
โรงเรือน greenhouse ได้ทั้งฟังก์ชันการแยกปลูกต้นไม้และสร้างจุดเด่นให้สวน
สวนแคคตัสที่ต่อเติมออกจากตัวบ้าน ใช้ผนังและหลังคาโปร่งแสงเพื่อควบคุมแดดลมฝน
หลังคาของโรงเรือนเพาะชำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดทั้งในการรับแสง กรองแสง และป้องกันน้ำฝน ดังนั้นจึงควรเป็นวัสดุที่มีคุณภาพ
ได้มาตรฐานและสามารถเลือกระดับการกรองแสงได้อย่างเหมาะสมกับประเภทของพันธุ์ไม้และการใช้งาน มีความทนทานต่อสภาพภูมิอากาศเพื่อการใช้งานที่ยาวนาน รวมถึงการติดตั้งที่ง่ายและน้ำหนักเบา เพื่อไม่ก่อปัญหาเรื่องการรับน้ำหนักต่อโครงสร้างบ้าน
โรงเรือนแคคตัสขนาดใหญ่ใช้แผ่นโปร่งแสงเพื่อการควบคุมสภาพภูมิอากาศและรับแสงได้เต็มที่
โรงเรือนเพาะชำพืชผักสวนครัวต้องการแสงแดดที่ไม่จัดมาก ใช้แผ่นโปร่งแสงที่มีปริมาณแสงผ่านที่เหมาะสม
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับงานต่อเติมในส่วนต่าง ๆ ของบ้าน เช่น โรงจอดรถ หลังคากันสาด ครัวภายนอก ทางเดินนอกบ้าน ซุ้มนั่งเล่นพักผ่อน ลานซักล้าง รวมถึงหลังคาโรงเรือนเพาะชำด้วย แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด มีความทนทานต่อทุกสภาพอากาศ อายุการใช้งานยาวนาน น้ำหนักเบา สามารถติดตั้งได้ง่ายไม่เป็นภาระต่อโครงสร้าง
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด มีลักษณะเป็นหลังคาโปร่งใสที่ดูสวยงาม สามารถกันฝนโดยที่ยังคงได้รับแสงธรรมชาติ สร้างความโปร่งโล่งให้กับพื้นที่ และเพิ่มมิติให้กับงานออกแบบ สร้างบรรยากาศที่ดีและลดการเปิดไฟซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงานด้วย มีเนื้อวัสดุที่แข็งแรงเหมาะกับงานหลังคา ผลิตจากโพลีเอสเตอร์เรซินผสมไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง จึงไม่เปราะแตกหักง่าย มีการเคลือบผิวด้วยวัสดุที่คงทนต่อทุกสภาพอากาศ พร้อมแผ่นฟิล์มกันรังสี UV คุณภาพสูงปิดทับผิวหน้า ป้องกันปัญหาขุ่นมัวและไม่ให้แผ่นโปร่งแสงแตกลายงา และยังผสมเรซินที่มีคุณสมบัติพิเศษทนต่อรังสี UV อีกด้วย
แผ่นโปร่งแสงมีขนาดหน้ากว้าง 1.05 เมตร และหลายความยาวให้เลือก คือ 2, 3, 4, 5 และ 6 เมตร มีน้ำหนักเบาเพียง 1.8 กิโลกรัมต่อตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีหลากหลายสีโดยแต่ละสีมีค่าความโปร่งแสงเฉพาะตัว แสงจึงส่องผ่านได้มากน้อยต่างกัน มีทั้งหมด 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นยูวีชิลด์ และ รุ่นฮีทชิลด์
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่นยูวีชิลด์
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่นยูวีชิลด์ รุ่นป้องกันรังสี UV จากฟิล์มที่เคลือบไว้ทั้ง 2 ด้านทำให้ป้องกันได้ถึง 99%
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่นฮีทชิลด์
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด รุ่นฮีทชิลด์ รุ่นป้องกันความร้อนและรังสี UV ด้วยเทคโนโลยีเติมสาร Heat Shield Protection ที่ช่วยป้องกันและลดความร้อนที่ส่งผ่านลงมาได้ 3 – 4 องศาเซลเซียส และนอกจากนี้ยังติดฟิล์มที่เคลือบไว้ทั้ง 2 ด้านทำให้สามารถป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% มีสาร UV Absorber และ UV Stabilizer ช่วยผสานการยึดเกาะของโมเลกุลในเนื้อแผ่นให้เป็นเนื้อเดียวกันได้ดี
เป็นแผ่นหลังคาที่เหมาะสมกับงานต่อเติมหลังคาเนื่องจากมีน้ำหนักเบาจึงไม่เปลืองโครงสร้าง ขนย้ายสะดวก ติดตั้งง่าย ช่างทั่วไปสามารถทำได้ด้วยอุปกรณ์พื้นฐาน เช่น สว่านยิงสกรู เครื่องตัด ปืนกาวซิลิโคน และยังมีหลายความยาวหลากหลาย ตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการขนาดต่าง ๆ โดยไม่ต้องเสียเวลาตัดมากนัก
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด มีเนื้อวัสดุที่แข็งแรง ไม่เปราะแตกหักง่าย มีความคงทน พร้อมคุณสมบัติการกันรังสี UV นอกจากนี้แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาดยังมีหลากหลายสีที่ผ่านกระบวนการผลิตสูตรพิเศษ จึงดูสวยงาม สามารถกระจายแสงได้สม่ำเสมอ เจ้าของบ้านสามารถเลือกให้ตรงตามความชอบและความเหมาะสมกับบ้านได้
แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาดเป็นทางเลือกวัสดุที่ดีสำหรับงานต่อเติมหลังคาหรือผนังที่ต้องการแสงผ่านที่สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งระดับการรับแสงและความสวยงาม ทั้งนี้ ควรมีการพิจารณาเรื่องทิศทางแดดลมด้วย เนื่องจากแต่ละสีมีค่าของแสงผ่านที่แตกต่างกัน หากต้องการให้มีแสงสว่างส่องผ่านได้เต็มที่สำหรับพันธุ์ไม้ทนแดด ก็ควรเลือกสีโทนสว่างที่แสงส่องผ่านได้มากส่วนบริเวณที่ต้องการความร่มมากกว่าสำหรับพันธุ์ไม้ไม่ทนแดด ก็สามารถเลือกสีที่มีปริมาณแสงส่องผ่านได้น้อยหรือหากต้องการป้องกันความร้อนสำหรับบริเวณที่ผู้ใช้งานใช้สำหรับพักผ่อน ก็สามารถเลือกรุ่นฮีทชิลด์ได้
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมของแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ได้ที่ https://www.scgbuildingmaterials.com/th/product/awning/shadingpanel