21.2K
6 พฤษภาคม 2567
เทียบกันให้ชัด หลังคาบ้านโมเดิร์น 5 ทรงสวย แบบไหนที่ใช่ ตอบโจทย์สภาพอากาศเมืองไทย
หลังคาบ้านโมเดิร์น ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องบ้านจากสภาพอากาศที่แปรปรวน แต่ยังช่วยเติมเต็มรูปแบบของบ้านให้มีสไตล์ที่ชัดเจน สวยงามและสะท้อนรสนิยมของผู้เป็นเจ้าของ บ้านจะยิ่งน่าอยู่ เมื่อมาพร้อมความสวยงามและคุณสมบัติที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง
แบบบ้านยุคใหม่มีหลายแบบหลายสไตล์ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมในต่างประเทศ บ้างก็ผสมผสานเอาแบบสถาปัตยกรรมไทยเข้าไปด้วย ปรากฏเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทั้งนี้แบบบ้านโมเดิร์นที่จะเลือกนำมาใช้ในการก่อสร้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวของเจ้าของ รวมถึงต้องคำนึงถึงคุณสมบัติของหลังคาบ้านโมเดิร์น หลังคากันร้อนในแต่ละรูปแบบด้วย โดยในบทความนี้ได้รวบรวมแบบหลังคาบ้านโมเดิร์น หลังคากันร้อนที่เป็นที่นิยมในประเทศไทยมาให้เลือกถึง 5 แบบ เพื่อเป็นไอเดียในการนำไปสร้างบ้านให้ตรงกับความต้องการ
ทรงหลังคากันร้อนยอดนิยม 5 แบบในประเทศไทย
1. หลังคากันร้อนทรงจั่ว (Gable Roof)
เป็นหลังคาแบบบ้านโมเดิร์นรูปทรงลาดเอียงองศาสูง โดยมีมุม 2 ด้านประกบกันที่ยอดสันของหลังคา มองดูแล้วเป็นรูปสามเหลี่ยม โดยข้อดีหลักๆ ของหลังคาทรงจั่วคือ สามารถระบายความร้อนและน้ำฝนได้เป็นอย่างดี
2. หลังคากันร้อนทรงปั้นหยา (Hip Roof)
มีลักษณะคล้ายกับแบบหลังคาบ้านโมเดิร์นทรงจั่ว โดยมุม 2 ด้านจะประกบอยู่ด้านบนสุดปรากฏเป็นสามเหลี่ยม สามารถรับแรงลมแรงฝนได้จากหลายทิศทาง มีความแข็งแรงและระบายน้ำฝนได้ดี ทั้งนี้มีข้อแตกต่างจากแบบหลังคาทรงจั่วคือองศาลาดชันจะต่ำกว่าเล็กน้อย อีกทั้งยังระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าหลังคาทรงจั่ว แต่ปัญหานี้แก้ได้ง่ายๆ เพียงติดตั้งช่องลมระบายอากาศไว้ด้วย จะช่วยระบายความร้อนใต้หลังคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หลังคาทรงปั้นหยาเป็นหลังคาอีกรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย
3. หลังคากันร้อนทรงเพิงแหงน (Lean-to Roof)
เป็นหลังคาบ้านโมเดิร์นทรงแหงนขึ้นเพียงด้านเดียว มีองศาลาดชันลาดลงไปแค่ด้านใดด้านหนึ่ง แต่เดิมนิยมใช้ก่อสร้างในงานหลังคาแบบชั่วคราว ปัจจุบันถูกนำมาใช้งานสถาปัตยกรรมต่างๆ อย่างกว้างขวาง เกิดเป็นสไตล์ที่เท่และดูแปลกตา ข้อดีของหลังคาทรงนี้คือมีความสวยงาม ทันสมัย ก่อสร้างได้ง่าย ประหยัดงบประมาณ ส่วนข้อสียของหลังคาทรงเพิงแหงนคือสามารถป้องกันลมฝนและแสงแดดได้เพียงทิศทางเดียว บางครั้งองศาลาดเอียงอาจทำให้เกิดการไหลย้อนของน้ำฝนเข้าสู่ตัวบ้านได้
4. หลังคากันร้อนทรงผีเสื้อ (Butterfly Roof)
เป็นหลังคาบ้านโมเดิร์นทรงลาดเอียงโดยแหงนออก 2 ด้าน จุดตรงกลางที่หลังคามาประกบกันจะเป็นมุมต่ำ ลักษณะหลังคาเป็นรูปทรงปีกผีเสื้อ สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ แต่ข้อเสียคือเวลาฝนตกน้ำจะระบายลงได้ค่อนข้างยาก
5. หลังคากันร้อนทรงกล่องหรือหลังคาแบน
เป็นหลังคาบ้านโมเดิร์นที่นิยมใช้ในแบบบ้านสไตล์โมเดิร์น เนื่องจากบ้านสไตล์นี้นิยมใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นองค์ประกอบ เมื่อใช้หลังคาแบนราบหรือเป็นเนื้อเดียวกันกับตัวบ้าน จะปรากฏเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยม ดูเรียบง่าย เท่และทันสมัย จึงเป็นที่ชื่นชอบและกลายเป็นตัวเลือกสำคัญของคนส่วนใหญ่ที่อยากจะสร้างบ้านโมเดิร์น แต่ทั้งนี้แบบหลังคาบ้านทรงกล่องก็มีข้อเสียไม่น้อย เนื่องจากหลังคาเป็นเส้นตรงไม่มีองศาลาดชัน ทำให้การระบายน้ำฝนเวลาฝนตกค่อนข้างลำบาก อีกทั้งยังระบายความร้อนได้ยาก เพราะไม่มีพื้นที่ใต้หลังคาให้อากาศภายในหมุนเวียน พื้นผิวหลังคาจะสัมผัสกับแสงแดดแบบเต็มร้อย ทำให้เกิดการกักเก็บอุณหภูมิสูงไว้ภายในบ้าน
แบบหลังคาบ้านแบบไหนที่ตอบโจทย์บ้านในประเทศไทยมากที่สุด
ประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรจึงมีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น กล่าวคือมีฤดูร้อนและฤดูฝนเป็นหลัก ส่งผลให้ตลอดทั้งปีต้องเผชิญกับฝนตกและแดดร้อนจัด บ้านที่อาศัยอยู่จึงต้องก่อสร้างให้มีความเหมาะสม โดยเฉพาะส่วนของหลังคาต้องปกป้องรังสีความร้อนและพายุฝนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังต้องสวยงาม สะท้อนสไตล์บ้านในแบบที่ต้องการด้วย
หากพูดถึงแบบบ้าน ที่ได้รับความนิยมในยุคปัจจุบัน เห็นจะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์น เนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่ เน้นใช้เส้นตรงและรูปทรงเรขาคณิตเป็นองค์ประกอบ เผยให้เห็นความเรียบง่าย เป็นแก่นแท้ของตัวรูปทรงและวัสดุที่ใช้ ไม่ตกแต่งเกินความจำเป็น ขณะเดียวกันยังสามารถคงไว้ซึ่งความเรียบเท่ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นการใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า แต่ทั้งนี้แบบบ้านโมเดิร์นส่วนใหญ่มักอ้างอิงตามรูปแบบตะวันตก โดยมักใช้หลังคาแบบเรียบแบน เป็นทรงกล่องกลืนไปกับตัวบ้าน รวมถึงใช้หลังคาทรงเตี้ยเป็นองค์ประกอบ แม้ว่ารูปทรงหลังคาดังกล่าวจะเรียบเท่ สไตล์ไม่ซ้ำแบบใคร แต่หากพิจารณาในแง่ของการใช้งานจะพบว่ามีข้อด้อยอยู่ไม่น้อย เนื่องจากหลังคาทรงแบนและทรงเตี้ยไม่สามารถระบายความร้อนได้ดีพอ เพราะพื้นที่ใต้หลังคามีน้อย อากาศจึงไหลเวียนและลอยตัวไม่ได้มากนัก เกิดความร้อนสะสมอยู่ภายในบ้าน อีกทั้งหลังคาองศาลาดชันต่ำยังมีข้อจำกัดด้านการระบายน้ำในเวลาฝนตกอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่าบ้านโมเดิร์นที่ใช้หลังคาทรงแบนและทรงเตี้ยจึงยังไม่ตอบโจทย์สภาพอากาศในประเทศไทย
แบบหลังคาบ้านทรงไหนที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นในประเทศไทยมากที่สุด?
หลังคาบ้านกันร้อน ที่พบเห็นในประเทศไทยมากที่สุดนับตั้งแต่อดีตเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน คือหลังคาทรงจั่วและปั้นหยา ซึ่งมีองศาค่อนข้างสูงโดยอยู่ที่ 30-45 องศา โดยมีคุณสมบัติสามารถระบายความร้อนได้ดี เนื่องจากมีพื้นที่ใต้หลังคามาก ทำให้อากาศร้อนสามารถลอยตัวขึ้นไปได้ หากเปิดช่องลมใต้หลังคาร่วมด้วย ยิ่งช่วยให้อากาศร้อนสามารถระบายออกได้ดีขึ้น ส่วนอากาศภายในหมุนเวียนได้อย่างสะดวก อุณหภูมิภายในตัวบ้านจึงไม่ร้อนอบอ้าวทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ส่วนด้านการระบายน้ำฝนถือว่าตอบโจทย์ได้ดี เนื่องจากองศาลาดชันของหลังคาช่วยให้น้ำฝนไหลผ่านลงไปตามแนวลาดชันได้อย่างรวดเร็ว น้ำไม่ขังและยังลดปัญหาการรั่วซึมของหลังคาได้อีกด้วย
ในปัจจุบันหลังคาทรงสูง (ทรงจั่วและปั้นหยา) ได้ถูกนำมาใช้สร้างกับแบบบ้านสไตล์โมเดิร์นในประเทศไทยกันมากขึ้น จากที่เราอาจเคยเห็นบ้านโมเดิร์นเป็นทรงกล่องสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นหลังคาเตี้ยและแบนราบ แต่ปัจจุบันแบบหลังคาทรงสูงได้ถูกนำมาใช้สร้างบ้านโมเดิร์นอย่างกว้างขวางเช่นกัน ซึ่งให้ความทันสมัย เรียบเท่อย่างมีสไตล์ในแบบที่แตกต่าง โดยยังคงคอนเซปต์บ้านสไตล์โมเดิร์นที่ผสมผสานทั้งเส้นสาย รูปทรงเรขาคณิตและคุมโทนการตกแต่งเข้ากันได้อย่างลงตัว เราเรียกบ้านโมเดิร์นที่มีหลังคาทรงสูงเช่นนี้ว่า “Modern Pitched Roof”
หลังคาที่ใช่ สำหรับบ้านสไตล์ Modern Pitched Roof
เพื่อตอบโจทย์ความทันสมัยของบ้านสไตล์ Modern Pitched Roof แนะนำให้ใช้กระเบื้องหลังคาคอนกรีต เอสซีจี รุ่น NeuStile Modern ด้วยรูปทรงเป็นแผ่นเรียบ สามารถปูเรียงต่อกันเป็นผืนได้อย่างเรียบเนียน มาพร้อมสีเอิร์ธโทน ให้บ้านดูเท่ ทันสมัย ตรงใจ มั่นใจได้ทั้งเรื่องความสวยงาม และการอยู่อาศัย เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อให้ได้บ้านสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสวยและอยู่สบายได้อย่างแท้จริง"