18.9K
20 พฤษภาคม 2567
หลังคา พระเอกของบ้าน ตัวบ่งบอกสไตล์และรสนิยมของเจ้าของบ้านที่ต้องพิจารณาในหลากหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกแบบหลังคาและเลือกทรงหลังคาให้เข้ากับดีไซน์ของบ้าน การเลือกประเภทวัสดุและสีของวัสดุที่จะนำมาทำเป็นหลังคาบ้านอีกด้วย โดยทั่วไปแล้ว หลังคานั้นจะมีส่วนช่วยในการป้องกันแดด ลม และฝนจากภายนอกไม่ให้เข้ามาภายในบ้าน สำหรับแบบหลังคานั้น ในปัจจุบันนี้มีให้เลือกกันอย่างมากมาย ซึ่งทรงหลังคาหลักๆ แล้วจะมีอยู่ 3 แบบด้วยกัน นั่นคือทรงหลังคามุง ทรงหลังคาแบน และทรงอื่นๆ
ทรงหลังคาลาดเอียง หรือ Pitched Roof
สำหรับหลังคาลาดเอียงนั้น จะเป็นหลังคาที่สามารถทำได้หลายแบบหลังคาด้วยกัน ขึ้นอยู่กับสไตล์ของบ้าน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับภูมิอากาศประเทศไทย เพราะลักษณะเป็นผืนหลังคาที่มีความชัน เหมาะกับการระบายน้ำ และตัวหลังคานั้นมีลักษณะค่อนข้างสูง ทำให้มีพื้นที่ใต้โถงหลังคาซึ่งช่วยระบายความร้อนสะสมผ่านออกทางชายคาได้อีกด้วย ข้อควรระวังในการออกแบบหลังคาลาดเอียง คือไม่ควรให้มีความซับซ้อนมากเกินไป เพราะอาจจะเกิดความเสี่ยงทำให้น้ำรั่วซึมได้โดยเฉพาะบริเวณแนวเชื่อมต่อระหว่างผืนหลังคา
หลังคาทรงจั่ว: จะมีลักษณะเป็นหลังคาทั้งด้านซ้ายและขวาที่เอียงมาบรรจบกันที่สันตรงกลาง ก่อสร้างง่าย เหมาะกับภูมิอากาศร้อนชื้น สามารถกันแดดกันฝนได้ ช่วยระบายความร้อนได้อย่างดีเมื่อมีช่องระบายอากาศบริเวณหน้าจั่ว
และสำหรับบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่อยากคงคุณลักษณะที่ดีของหลังคาทรงจั่วในการระบายน้ำที่ดีด้วยความลาดเอียงของหลังคา มีโถงหลังคาช่วยระบายความร้อน ตัวเลือกที่ดี คือ หลังคาทรงจั่วแบบ Modern Barn เพราะเหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศประเทศไทยกว่าหลังคาทรงโมเดิร์นแบบเดิมๆ
หลังคาทรงปั้นหยา: เป็นหลังคาที่ลาดเอียงทั้งสี่ด้านและบรรจบกันที่ปลายด้านบน สามารถกันแดดกันลมและฝนได้ในทุกมุม แต่จะไม่มีหน้าจั่วเพื่อช่วยในการระบายความร้อน และต้องระมัดระวังเรื่องจุดเชื่อมต่อของมุมหลังคาให้มากกว่าหลังคาแบบอื่นๆ
หลังคาทรงมะนิลา: เป็นหลังคาปั้นหยาผสมหลังคาจั่ว สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันแสงแดดและฝนได้อย่างดี เหมาะกับสภาพภูมิอากาศในแถบร้อนชื้นอย่างในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นที่นิยมในบ้านสไตล์ไทยโอเรียนทอล
ทรงหลังคาแบน
เป็นแบบหลังคาที่พบมากในบ้านสไตล์โมเดิร์น ที่นิยมในไทยนั้นก็จะมีทั้งแบบหลังคาแบนและหลังคามุงความชันต่ำ ซึ่งการทำหลังคาทรงแบนนั้นจะต้องคำนึงถึงการถ่ายเทความร้อน การยืดหดตัวของคอนกรีต ปัญหาน้ำขัง ปัญหาน้ำไหลย้อนใต้แผ่นกระเบื้อง และการระบายน้ำ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับบ้านตามมาภายหลังได้ และที่สำคัญควรให้ความสำคัญเกี่ยวกับการออกแบบรางน้ำและท่อระบายน้ำให้เพียงพอต่อการระบายน้ำฝนจากหลังคา
หลังคาเรียบ: จะเป็นที่นิยมมากที่สุด เหมาะกับบ้านหลากสไตล์ ส่วนมากมักปล่อยให้พื้นที่หลังคาเป็นคอนกรีต สามารถตกแต่งหรือทำพื้นที่ใช้สอยเพิ่มเติมได้ เนื่องจากมีลักษณะเรียบแบนเป็นระนาบเดียวกัน แต่ทรงหลังคาประเภทนี้ควรที่จะต้องมีการวางแผนเรื่องการดูดซับความร้อนและน้ำฝนเป็นอย่างดี รวมถึงต้องมีการจัดการเกี่ยวกับระบบระบายน้ำ และมีระบบกันรั่วซึมที่ดี
หลังคาเพิงแหงน: เป็นหลังคาที่เรียบเอียงด้านเดียว ตอบโจทย์บ้านสไตล์โมเดิร์น มีรอยต่อน้อย ไม่ซับซ้อน ประหยัดเวลาด้านการออกแบบ ประหยัดตัวโครงสร้างบ้าน และค่าใช้จ่ายต่างๆ และแม้ว่าจะสามารถกันแดดและกันฝนได้ทิศเดียวคือด้านที่หลังคาลาดลงมาต่ำกว่า ในอีกฝั่งหนึ่งนั้นยังสามารถติดตั้งกันสาดหรือระแนงไม้ป้องกันแดดและฝนได้
หลังคาปีกผีเสื้อ: มีลักษณะเป็นเหมือนหลังคาเพิงหมาแหงนสองด้านประกบกันโดยหันด้านที่มีระดับลาดต่ำกว่ามาชนกัน แม้ว่าแบบหลังคาประเภทนี้อาจจะทำให้เกิดการรั่วซึมได้มากกว่าหลังคาแบบอื่น แต่ก็สามารถติดตั้งรางน้ำฝนเพื่อรองรับน้ำจากหลังคาได้ และควรเลือกรางน้ำที่ลึกกว่าหลังคาทั่วไปเพื่อช่วยให้การรองรับน้ำฝนและช่วยให้สามารถระบายน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทรงหลังคาอื่นๆ
สำหรับแบบหลังคานั้น นอกเหนือจากหลังคามุงและหลังคาแบบแล้ว ก็ยังมีการออกแบบหลังคาในรูปแบบต่างๆ ที่สร้างความโดดเด่นและเป็นรูปแบบเฉพาะตัวอยู่หลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นทรงโค้ง ทรงโดม หรือทรงอิสระก็ตาม
หลังคาทรงโค้ง: จะเป็นหลังคาที่ช่วยดึงดูดสายตาของผู้พบเห็น มักก่อสร้างด้วยโครงสร้างเปลือกบางและสร้างผิวโค้งได้หลากหลายรูปแบบ สามารถทำจากวัสดุประเภทเมทัลชีทและอะลูมิเนียมขึ้นรูป มีรอยต่อน้อย ทำให้ไม่พบปัญหาการรั่วซึมของน้ำฝนมากเท่ากับหลังคาประเภทอื่นๆ
หลังคาทรงโดม: จะเน้นเส้นโค้งสวยของโดมเป็นหลัก เพื่อแสดงออกถึงความประณีตของโครงสร้าง ตัวโครงสร้างนั้นจะผ่านการออกแบบมาอย่างดี และไม่มีเสาค้ำยันอยู่ภายใน ปัจจุบันใช้โครงข้อแข็งสามมิติเชื่อมต่อกันเป็นโครงสร้างรูปโดม
หลังคารูปทรงอิสระ: มักจะเป็นหลังคาที่ได้รับการออกแบบมาอย่างเฉพาะตัวและโดดเด่นเรื่องรูปทรงที่แตกต่างกันเป็นหลัก สำหรับวัสดุที่ใช้นั้นจะเน้นความยืดหยุ่นและสามารถบิดโครงเพื่อรองรับรูปทรงหลังคาได้อย่างดี
สำหรับการออกแบบหลังคาให้มีคุณภาพนั้น จะต้องพิจารณาถึงการเลือกใช้โครงหลังคาที่ได้มาตรฐาน มีความแข็งแรง สามารถรองรับน้ำหนักหลังคาตามที่เราต้องการได้ และมีการติดตั้งที่ถูกต้อง รวมไปถึงการออกแบบให้ส่วนต่างๆ ของหลังคาสามารถรองรับน้ำและสามารถระบายน้ำฝนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้คุ้มค่าต่องบประมาณและให้เหมาะกับความต้องการของเรามากที่สุด