68.2K
5 พฤษภาคม 2567
หนึ่งในโจทย์สำคัญของงานออกแบบบ้าน ที่เจ้าของบ้านยุคปัจจุบัน นิยมบอกสถาปนิกนักออกแบบว่า “ขอบ้านที่ไม่มีระเบียงบ้าน” เนื่องด้วยบ้านที่อยู่อาศัยหลังปัจจุบัน มีระเบียงบนห้องนอน แต่ร้อยวันพันปีไม่เคยออกไปเลย บ้างก็บอกว่า เคยออกไปแค่ครั้งเดียวช่วงซื้อบ้านใหม่ หลังจากนั้นก็ไม่เคยออกมาอีกเลย
เมื่อระเบียงบ้านไม่ได้ใช้งานนาน ๆ ย่อมกลายเป็นพื้นที่รกร้าง กักเก็บฝุ่น มีประโยชน์เพียงอย่างเดียวคือ ไว้สำหรับวางคอมเพรสเซอร์แอร์ แต่สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้สังเกตย้อนกลับไปว่า เราไม่ชอบใช้ ระเบียงบ้าน หรือ ระเบียงหน้าบ้านไม่น่าใช้ ?
Tips : ประโยชน์ของระเบียง ไม่ได้มีเพียงแค่การออกไปใช้งานพักผ่อนเท่านั้น แต่ระยะยื่นของระเบียง ยังช่วยเป็นส่วนกันแดด กันฝนสาดให้กับห้องดังกล่าวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเพิ่มมิติให้รูปทรงภายนอกดูสวยงาม และช่วยให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
1.เปิดระเบียงบ้านออกไปแล้วเจออะไร
ระเบียงบ้านที่น่าใช้ต้องมีสิ่งจูงใจให้ออกมา มุมที่เปิดระเบียงบ้านจึงต้องเลือกวิวที่ดี มองออกไปเห็นทิวทัศน์พื้นที่ภายนอกที่สวยงาม สบายตา นอกตัวบ้านจะต้องไม่ตรงกับห้องของเพื่อนบ้านข้างเคียง ซึ่งเจ้าของบ้านควรทำงานร่วมกับสถาปนิกตั้งแต่ในขั้นตอนการสำรวจที่ดินรอบ ๆ เพื่อเลือกมุมที่เหมาะสมกับการมีระเบียงมากที่สุด
2. หากวิวเดิมไม่ดี ก็สร้างวิวขึ้นมาเองได้
สำหรับบ้านในเมืองคงเป็นการยากที่จะหาวิวทิวทัศน์ภายนอกอันสวยงามได้ หรือแม้แต่วิวปัจจุบันสวย ก็ไม่อาจรู้ล่วงหน้าได้ว่า อนาคตจะสวยเช่นเดิมหรือไม่ อาจจะมีตึกสูงมาสร้างใกล้เคียงก็เป็นได้
วิธีการรับมือง่าย ๆ คือ การสร้างวิวขึ้นมาในพื้นที่ของตัวเองแทน อาจจะออกแบบบ้านลักษณะคอร์ตสวนกลางบ้าน เพื่อสามารถควบคุมวิวภายนอกในขอบเขตของที่ดินบ้านเราเอง หรือหากพื้นที่มีไม่มากพอ เพียงจัดสวนกระถางเล็ก ๆ ทำเป็นมุมพักผ่อน อาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพื้นระเบียงเดิมที่ดูแข็งกระด้าง เปลี่ยนมาใช้พื้นไม้สังเคราะห์ที่รองรับแดดฝน จากนั้นค่อย ๆ จัดมุมพักผ่อนให้น่านั่งตามใจต้องการ มุมเล็ก ๆ ไม่กี่ตารางเมตร อาจจะกลายเป็นมุมโปรดได้เช่นกันครับ
สำหรับวัสดุที่ใช้ปูพื้น
ต้องเลือกใช้วัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน และสามารถทนความร้อนจากแสงแดดและฝนได้ดี ควรมี Mood & Tone ที่เข้ากันได้กับความเป็นธรรมชาติ อาจเลือกใช้ไม้เนื้อแข็งเพื่อให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมภายนอก อย่างไม้แดง ไม้เต็ง แต่ไม้จริงก็มีข้อเสียคือ เมื่อถูกความชื้น ความร้อนจะบิด งอ โก่ง ได้ง่าย โดยรวมแล้วการดูแลรักษาจะค่อนข้างยาก ปัจจุบันบ้านเรือนส่วนใหญ่จึงนิยมเลือกใช้วัสดุทดแทนไม้
ตัวอย่าง : พื้นตกแต่ง เอสซีจี รุ่น เซฟเวอร์ หน้า 4 นิ้ว และ 8 นิ้ว มีลายเสี้ยนไม้เป็นธรรมชาติดุจไม้จริง ผลิตจากวัสดุไฟเบอร์ซีเมนต์โครงสร้างพิเศษของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ เอสซีจี, ซิลิก้าบริสุทธิ์และเส้นใยเซลลูโลสชนิดพิเศษ จึงมั่นใจในความแข็งแรง ทนทาน ใช้งานภายนอกได้ดี ด้วยเทคโนโลยีพิเศษในการเคลือบใสบนผิวหน้าไม้ ช่วยทำให้สีติดแน่น สวยนาน ไม่ลอกล่อน ซึ่งการติดตั้งพื้นตกแต่งสามารถติดตั้งได้หลายแบบ เช่น ติดตั้งบนพื้นคอนกรีตยึดด้วยปูนกาวหรือติดตั้งบนตงเหล็กแล้วยึดด้วยตะปูเกลียว ปลายสว่านมีปีก 45 มม. พร้อมตกแต่งให้สวยงามด้วยการทาสีรองพื้น และทาทับด้วยสีย้อมไม้ไฟเบอร์ซีเมนต์สีเนเชอรัลบีชหรือโทนสีน้ำตาลไม้โอ๊คหรือมะฮออคกานี เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นใกล้ชิดธรรมชาติยามนั่งจิบชาในวันว่าง
หรือหากต้องการให้พื้นที่สวยเนี้ยบแบบไร้หัวสกรูรบกวนสายตา แนะนำเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ พื้นตกแต่ง เอสซีจี รุ่น ที-คลิป ติดตั้งโดย ใช้คลิปล็อค จึงมั่นใจได้ในความเรียบร้อย สวยงาม ไม่มีรอยหัวสกรูให้เห็น มีสีสำเร็จจากโรงงานด้วยเทคโนโลยี Color loc ให้สีสวยเหมือนไม้จริง โดยมี 3 สีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม ทั้งสีเนเชอรัลบีช, สีน้ำตาลไม้โอ๊คและสีมะฮอกกานี
3. ขนาดระเบียงที่เหมาะสม
บ้านจัดสรร ทาวน์โฮม หรือคอนโดหลายแห่งมีระเบียงก็จริง แต่พื้นที่ค่อนข้างเล็กลึกประมาณ 1 เมตร วางตามแนวกว้างของห้อง ระเบียงหน้าบ้านที่ออกแบบไว้แคบเกินไปจะทำให้การใช้งานไม่สะดวก ท้ายที่สุดจึงกลายเป็นที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์หรือราวตากผ้ามากกว่าใช้นั่งพักผ่อน ขนาดระเบียงที่เหมาะกับการใช้งานจริงควรกว้างมากพอ อาจควรมีความลึก 1.5 - 2 เมตรขึ้นไป เพื่อให้เอื้อต่อการใช้งานจริงมากขึ้น อย่างน้อย ๆ ให้สามารถวางเก้าอี้พักผ่อน หรือจัดสวนเล็ก ๆ ได้ย่อมดี
4. เลือกประตูกระจกบานเลื่อน เพื่อการมองเห็นและใช้งานง่าย
ข้อนี้สำคัญมากครับ และเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ลืมไปเลยว่าบ้านของเรามีระเบียงหน้าบ้าน บ้านสมัยก่อนนิยมใช้ประตูไม้บานเดียวแบบปิดทึบ ทำให้ประตูกลายเป็นอุปสรรคกั้นระหว่างภายนอกกับภายใน และดูไม่จูงใจให้อยากเปิดออกไป ควรเลือกใช้ประตูบานกระจกเปิดเลื่อนสไลด์ตามแนวห้อง เมื่อมองเห็นระเบียงจากภายใน จะเปิดมุมมองทางสายตาทะลุผนังออกไปเป็นอิสระ รู้สึกเหมือนได้ใช้งานระเบียงตั้งแต่ยังไม่ออกไปใช้ และเป็นแรงจูงใจให้อยากออกไปบ่อยมากขึ้น ข้อดีของการเปิดช่องกระจกกว้าง ๆ ยังทำให้ห้องดังกล่าวมีโปร่งกว้างยิ่งกว่าเดิมอีกด้วยครับ
5. เลือกทิศระเบียงตามช่วงเวลาของการใช้งาน
นอกจากวิวทิวทัศน์หรือมุมที่น่าพักผ่อนแล้ว สำหรับประเทศไทยอากาศร้อนมีผลกับการใช้งานไม่น้อยเลยครับ หากออกไปนอกระเบียงแล้วกลับพบว่าแสงแดดสาดส่องเข้ามา ย่อมไม่มีใครอยากนั่งตากแดดอย่างแน่นอน
การเลือกทิศจึงเป็นอีกหนึ่งเงื่อนไขที่สำคัญ โดยให้เลือกอิงตามพฤติกรรมของการใช้งานของแต่ละครอบครัวครับ เช่น สำหรับคนที่ชอบนั่งระเบียงยามเช้า สามารถเลือกได้ทุกทิศ เพราะแสงเช้าไม่ร้อนมากนักแลมีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่หากเป็นคนตื่นสาย ชอบนั่งระเบียงนาน ๆ แนะนำเลือกทิศตะวันตกหรือทิศใต้ จะช่วยให้ใช้ระเบียงเช้าได้ยาวนานขึ้น ส่วนคนที่ชอบนั่งระเบียงหน้าบ้านยามบ่ายหรือยามเย็น เหมาะกับระเบียงทิศเหนือหรือทิศตะวันออกครับ แสงยามบ่ายจะร้อนมาก โดยเฉลี่ยแล้วจะอ้อมทางทิศใต้และตกในทิศตะวันตก หรือหากจำเป็นต้องไว้ทางทิศดังกล่าว ควรออกแบบชานระเบียงให้มีหลังคาคลุมและมีระยะที่ยื่นยาว เพื่อลดทอนแสงแดดที่สาดส่องเข้ามาครับ
เจ้าของบ้านท่านใดที่ลังเล อยากจะให้บ้านของเรามีระเบียงหรือไม่ หรือบ้านไหนที่มีระเบียงเดิมอยู่แล้วแต่ไม่ได้ใช้ ลองนำแนวคิดในการออกแบบระเบียง 5 ข้อนี้ไปปรับใช้กันนะครับ รับประกันได้เลยว่า ระเบียงที่เคยถูกทิ้งร้างว่างเปล่าจะกลับมาคืนชีพและมีประโยชน์มากกว่าเดิม อาจจะกลายเป็นมุมโปรดมุมใหม่ที่ออกมาใช้งานเกือบทุกวันก็เป็นได้ครับ
สำหรับผู้ที่สนใจงานตกแต่งพื้นที่ด้วยวัสดุตกแต่ง เอสซีจี สามารถเลือกชมวัสดุแต่ละประเภทที่ตรงใจคุณได้ ที่ SCG Experience ซึ่งมีบริการแบบครบ จบที่เดียว โดยผู้เชี่ยวชาญ ตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ และติดตั้งจนเสร็จ นอกจากนี้ คุณยังมั่นใจได้ในคุณภาพบริการของ SCG Experience ที่ได้รับการรับรองโดยมาตรฐานสากล ISO 9001 ทำให้งานติดตั้งทุกครั้งมีมาตรฐาน มั่นใจได้ แถมงบไม่บานปลายอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.scgbuildingmaterials.com หรือสามารถเยี่ยมชมได้ที่ SCG Experience ได้ทั้ง 2 สาขา คือ SCG Experience สาขาเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา และ SCG Experience สาขา Design Village บุญถาวร ราชพฤกษ์ หรือ โทร. 02-586-2222