เคล็ดลับน่ารู้

รวมวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน ให้เหมาะกับชีวิตประจำวัน

769

7 กันยายน 2567

ฝุ่น PM 2.5 กลายเป็นปัญหาสำคัญในหลายเมืองใหญ่ของไทย การดูแลคุณภาพอากาศภายในบ้านจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในห้องนอน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลาพักผ่อนมากที่สุดในแต่ละวัน นอกจากฝุ่นละอองแล้ว เชื้อโรคต่าง ๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา เครื่องฟอกอากาศจึงกลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่หลายคนเลือกใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศในห้องนอน แต่การเลือกเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนนั้นมีปัจจัยอะไรบ้างที่ควรพิจารณา? วันนี้ เอสซีจี จะมาอธิบายให้ทุกคนเข้าใจกันครับ

เครื่องฟอกอากาศคืออะไร

เครื่องฟอกอากาศ คือ อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดสิ่งปนเปื้อนในอากาศ เช่น ฝุ่นละออง เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ โดยเฉพาะเครื่องฟอกอากาศสำหรับใช้ในบ้านหรือสำนักงานทั่วไป มักมีขนาดกะทัดรัด สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก และออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ขนาดเล็กถึงขนาดกลาง เช่น ห้องนอน ห้องทำงาน หรือห้องนั่งเล่น
หลักการทำงานของเครื่องฟอกอากาศโดยทั่วไปจะเริ่มจากการดูดอากาศเข้าสู่เครื่อง จากนั้นจะนำอากาศไปยังระบบกรองหลายชั้น ที่ประกอบไปด้วยแผ่นกรองหยาบเพื่อดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ แผ่นกรอง HEPA เพื่อดักจับอนุภาคขนาดเล็กเช่นฝุ่น PM 2.5 และอาจมีแผ่นกรองคาร์บอนเพื่อดูดซับกลิ่นและสารระเหย หลังจากนั้นอากาศที่สะอาดจะถูกปล่อยกลับสู่ห้อง ทำให้คุณภาพอากาศโดยรวมดีขึ้น

ความสำคัญของเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน

ห้องนอนเป็นพื้นที่ที่เราใช้เวลามากที่สุดในแต่ละวัน โดยเฉลี่ยแล้วเราใช้เวลานอนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน การหายใจเอาอากาศที่มีคุณภาพดีในช่วงเวลานี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพของเรา

แต่ในประเทศไทย มักมีปัญหาเรื่องของฝุ่น PM 2.5 เกิดขึ้นซ้ำซากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวและฤดูแล้ง ฝุ่นละอองขนาดเล็กเหล่านี้สามารถเล็ดลอดเข้าในบ้านและอาคารได้แม้จะปิดประตูหน้าต่างอย่างมิดชิดก็ตาม และสามารถลอยอยู่ในอากาศได้เป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังมีเชื้อโรคต่าง ๆ ปะปนมาด้วย เช่น ไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา ที่สามารถแพร่กระจายในอากาศและส่งผลเสียต่อสุขภาพ


เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนจึงมีบทบาทสำคัญในการกำจัดสิ่งปนเปื้อนเหล่านี้ ช่วยให้เราหายใจได้สะดวกขึ้น ลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแพ้หรือระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างภูมิแพ้ และโรคหอบหืด การใช้เครื่องฟอกอากาศในห้องนอนจึงเป็นวิธีที่แก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนต้องพิจารณาจากอะไรบ้าง

การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะกับห้องนอนนั้นมีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานและคุ้มค่ากับการลงทุน มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่ควรคำนึงถึง

ประเภทของ Filter กรองอากาศ

Filter กรอกอากาศเป็นอีกส่วนสำคัญที่ต้องพิจารณา โดยเฉพาะเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนที่ใช้ HEPA (High-Efficiency Particulate Air) Filter เป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการกรองอนุภาคขนาดเล็ก รวมถึงฝุ่น PM 2.5 แผ่นกรอง HEPA สามารถกรองอนุภาคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนได้ถึง 99.97% ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับห้องนอน นอกจากนี้ ควรพิจารณาเครื่องที่มีแผ่นกรองคาร์บอนเพื่อช่วยดูดซับกลิ่นและสารระเหยอินทรีย์ด้วย

ดูที่ค่า CADR ของเครื่องฟอกอากาศ

CADR (Clean Air Delivery Rate) เป็นตัวชี้วัดประสิทธิภาพของเครื่องฟอกอากาศในการกำจัดฝุ่น ควัน และละอองเกสร ค่า CADR ยิ่งสูงยิ่งดี โดยทั่วไปแล้ว ค่า CADR ที่เหมาะสมสำหรับห้องนอนควรเริ่มต้นที่ประมาณ 100 ขึ้นไป สำหรับห้องขนาด 15-20 ตารางเมตร และควรสูงขึ้นตามขนาดของห้องที่ใหญ่ขึ้น

ค่า Airflow ของเครื่องฟอกอากาศ

Airflow หรืออัตราการไหลของอากาศ บ่งบอกถึงปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถฟอกได้ในหนึ่งชั่วโมง โดยทั่วไป ค่า Airflow ที่ดีสำหรับห้องนอนควรอยู่ที่ประมาณ 100-300 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ขึ้นอยู่กับขนาดของห้อง ค่า Airflow ที่สูงจะช่วยให้อากาศในห้องหมุนเวียนได้ดีขึ้น แต่อาจทำให้เครื่องมีเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

มองหาเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน SCG Active AIR Quality พร้อมตอบโจทย์

SCG Active AIR Quality เป็นผลิตภัณฑ์เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในบ้านและสำนักงาน ด้วยเทคโนโลยีการกรองอากาศขั้นสูง สามารถกำจัดฝุ่น PM 2.5 เชื้อโรค และสารก่อภูมิแพ้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ SCG Active AIR Quality มีผลิตภัณฑ์หลายรุ่นให้เลือกตามความเหมาะสมของพื้นที่ใช้งานดังนี้

ทุกรุ่นของ SCG Active AIR Quality มาพร้อมกับเทคโนโลยี IoT ที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมและตรวจสอบคุณภาพอากาศผ่านสมาร์ตโฟนได้อย่างสะดวก

สรุปเกี่ยวกับวิธีเลือกเครื่องฟอกอากาศในห้องนอน

การเลือกเครื่องฟอกอากาศในห้องนอนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับสุขภาพของคุณและครอบครัว โดยควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ เช่น ขนาดของห้อง ประสิทธิภาพในการกรองอากาศ (CADR และ Airflow) ประเภทของแผ่นกรอง และคุณสมบัติพิเศษอื่น ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้งานของคุณ นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงระดับเสียงของเครื่องโดยเฉพาะสำหรับการใช้งานในห้องนอน และอย่าลืมพิจารณาค่าใช้จ่ายในระยะยาว เช่น ค่าไฟฟ้าและค่าเปลี่ยนแผ่นกรองด้วย

สำหรับใครที่กำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูงไว้ใช้ในบ้าน สำนักงาน และอาคาร สามารถเข้ามาชม SCG Active AIR Quality สินค้าจริงพร้อมสาธิตการใช้งานได้ที่ SCG Experience และ SCG HOME Solution สาขาใกล้บ้าน หรือ โทร. 02-586-2222 เพื่อรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในการเลือกเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ การลงทุนในเครื่องฟอกอากาศที่มีคุณภาพจะช่วยให้คุณและครอบครัวได้หายใจอากาศบริสุทธิ์ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว